ถ้าเทคโนโลยี 5G เข้ามาเต็มตัว จะมีผลต่อธุรกิจอะไรบ้าง
ปีนี้เราก็เริ่มได้ยินเรื่องราวของ 5G กันมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการประมูลคลื่นความถี่ และค่ายมือถือใหญ่ ออกโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่รองรับ 5G ออกมา และก็ได้ยินว่าทุกค่ายก็จะเริ่มรองรับ 5G ได้มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
คำถามที่ตามมาก็คือ เมื่อมี 5G เข้ามาแล้ว จะมีผลต่อการทำธุรกิจของเราอย่างไรบ้าง
ยุคของ 5G นั้น คือยุคที่ เครื่องจักร เครื่องกลทั้งหลายสามารถที่จะติดต่อสื่อสารกันได้ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันไปมาได้ อย่างที่เราเริ่มเห็นอยู่บ้างแล้วเช่นพวก Sensor ต่างๆ การรับส่งสัญญานระหว่างเครื่องจักรหลายๆ เครื่อง ถ้ายุคนี้มาถึง เราก็จะเห็นเครื่องยนต์กลไกต่างๆ ในบ้านของเราสามารถที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ และสามารถนำข้อมูลที่มีนั้นไปต่อยอดใช้งานได้อีกเช่นกัน
ธุรกิจที่น่าจะได้รับผลประโยชน์จาก 5G หลักๆ ก็จะมี
- โรงงานผลิต (Manufacturing) กระบวนการผลิตจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เครื่องจักรทุกตัวจะสามารถสื่อสารถึงกันได้ว่า เมื่อไหร่ที่จะถึงเวลาเปลี่ยนอะไหล่ เมื่อไหร่ที่จะถึงเวลาปรับแต่ง ฯลฯ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายจนต้องหยุดเดินสายการผลิต อีกหน่อยเราจะพบกับกระบวนการผลิตที่ไม่มีวันหยุดซ่อมก็เป็นได้ นอกจากนั้น เวลาปรับแต่ง หรือเกิดปัญหาระหว่างการทำงาน เราก็สามารถปรับแต่งเครื่องจักรได้จากทางไกล โดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่โรงงานก็ได้ ที่ปรึกษาทางด้านวิศวกรรมสามารถที่จะเห็นการทำงานแบบ realtime ของเครื่องจักร และสามารถที่จะเรียกแก้ไขได้ในทันที โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาถึงตัวเครื่องจักรนั้น
- การขนส่งเคลื่อนย้าย (Transportation) รถยนต์ทุกคันจะสามารถสื่อสารถึงกันได้ มีการกำหนดระยะความห่างระหว่างรถแต่ละคันได้ สามารถที่จะหยุด เคลื่อนรถ ตามสัญญานไปจราจรได้ และที่สำคัญก็คือ ไม่ต้องมีใครควบคุมรถ รถก็สามารถไปยังสถานที่ที่กำหนดไว้ได้ โดยปลอดภัย ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อรถยนต์สามารถที่จะคุยกันได้สื่อสารกันกับระบบจราจรได้ มันก็สามารถที่จะช่วงทำให้การจราจรไม่ติดขัด ระบายรถได้ตามข้อมูลความเป็นจริงที่มี ยิ่งไปกว่านั้น อุบัติเหตุก็จะลดลงไปด้วยเช่นกัน การขนส่งในอนาคต อาจจะไม่จำเป็นต้องอาศัยคน แต่อาศัยโดรน ในการขนสินค้าไปส่งถึงหน้าบ้านของเราได้โดยตรง
- การดูแลสุขภาพ (Healthcare) 5G จะทำให้การผ่าตัดกลายเป็นเรื่องง่าย แม่นยำ มีคุณภาพมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถที่จะรักษาผู้ป่วยโดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปถึงโรงพยาบาลนั้นๆ ก็ได้ แค่เพียงใช้ 5G เชื่อมต่อ เราก็สามารถเห็นภาพของจริงตรงหน้าเรา และสามารถทำการรักษาคนไข้ได้ในทันที ข้อมูลประกอบการตัดสินใจของแพทย์ ก็จะมีครบถ้วน และเที่ยงตรงมากขึ้นอีก
- การค้าปลีก (Retail) ลูกค้าอยู่บ้าน แล้วสามารถที่จะลองเสื้อผ้าได้อย่างเหมือนกับได้ลองจริงในร้าน ด้วยระบบที่เรียกว่า Augmented Reality ดังนั้นในอนาคต เราสามารถจะลองเสื้อผ้าได้ก่อนซื้อจริง หรือสินค้าที่อยู่บนชั้นวางของ ตัวชั้นวางของเอง ก็สามารถที่จะสื่อสารกับทางสโตร์ได้ว่า ขณะนี้ของในชั้นเริ่มลดลงแล้วนะ ให้มาเติมได้ และก็สามารถให้หุ่นยนต์นำของมาเติมได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถติดต่อไปที่ผู้ผลิตได้โดยตรง ให้ส่งสินค้าเข้ามาในระยะเวลาที่กำหนดไว้ได้อย่างแม่นยำ
- การเกษตร (Agriculture) เกษตรกร สามารถที่จะรับทราบข้อมูล Realtime ว่า ตอนนี้สภาพอากาศ ดิน น้ำ ปุ๋ย เป็นอย่างไร ซึ่งทำให้เราสามารถที่จะปรับวิธีการดูแลพืชต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม การให้น้ำ ให้ปุ๋ย พรวนดิน ฯลฯ ก็ใช้หุ่นยนต์ทำให้ได้หมด ไม่ว่าจะเป็น โดรนในการให้ปุ๋ย หรือพ่นยา เป็นต้น
ดูแบบนี้แล้ว ธุรกิจแทบจะทุกอย่างก็จะได้รับประโยชน์จาก 5G มากขึ้น เราก็คงต้องมาดูว่า เมื่อ 5G เข้ามาเต็มที่ งาน HR จะมีผลกระทบอะไรบ้าง ผมคิดว่า ผู้สมัครก็คงไม่ต้องเดินทางไปมา เพื่อที่จะสมัครงาน สัมภาษณ์งาน เวลาทำงานในบริษัท เราก็น่าจะได้ข้อมูลผลงานของพนักงานแต่ละคนที่ชัดเจนมากขึ้นจากที่เขาทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อดูประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานแต่ละคน ซึ่งก็จะทำให้การประเมินผลงานพนักงานมีความชัดเจนมากขึ้นอีก
การพัฒนาพนักงาน ก็น่าจะได้ประโยชน์เช่นกัน การอบรม ก็ไม่ต้องเดินทางไปถึงที่ เราสามารถเรียนที่อีกฟากหนึ่งของโลกได้ โดยที่เรานั่งอยู่ในห้องของเราเอง โดยใช้เทคโนโลยี Augmented Reality หรือ Mixed ซึ่งจะทำให้เราเหมือนกับว่านั่งอยู่ในห้องเรียนนั้นๆ จริงๆ และได้เรียนร่วมกับคนอื่น ณ เวลาเดียวกันจริงๆ โดยที่เห็นเพื่อนเราที่นั่งข้างๆ จริงๆ ทั้งๆ ที่เรานั่งอยู่ที่บ้าน
ก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่าอนาคตจะเป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้หรือไม่